สื่อสารดี ชีวิตสำเร็จ
“ถ้าพูดถึงการสื่อสาร เราจะนึกถึงอะไรบ้าง”
พวกเราอาจไม่เชื่อว่า “สื่อสารดี มีชัยไปกว่าครึ่ง” จริงหรือ บางคนก็อาจคิดว่า เราก็เป็นของเราแบบนี้ ก็ไม่เห็นเป็นอะไร แต่พอถามว่า
อยากประสบผลสำเร็จหรือไม่?
คำตอบคือ อยาก
และอะไรที่คิดว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้เราสำเร็จในชีวิต
คำตอบคือ ตัวเอง ความพยายาม ความมุ่งมั่น หรือคำตอบอะไรมากมาย แล้วแต่ทุกคนจะคิดตามประสบการณ์ของตนเอง สิ่งที่ครูตุ๋ม เห็นว่า สำคัญไม่แพ้ คำตอบ คือ ผู้อื่นก็มีผล หรือเป็นปัจจัยที่ทำให้เราประสบผลสำเร็จในชีวิตเช่นกัน
อยากสำเร็จในการทำงาน ถ้าเราสื่อสารไม่ดี หรือไม่รู้วิธีการสื่อสารกับผู้อื่น ไม่ว่า เพื่อนร่วมงาน หัวหน้างาน ลูกน้อง หรือบุคคลภายนอกก็ตาม มีการค้นคว้าโดย ดร. อัลเบิร์ต เมร์ราเบียน ด้านจิตวิทยาของ UCLA ว่า การสื่อสารไม่ใช่แค่การพูดเพียงอย่างเดียว การสื่อสารประกอบไปด้วย คำพูด น้ำเสียง ภาษากาย สิ่งที่ส่งออกไปให้ผู้อื่น ความรู้สึกและทัศนคติ ซึ่งแบ่งออกเป็น
- คำพูดมีผลเพียง 7 % ที่ผู้อื่นจะฟังเรา เชื่อถือไว้วางใจเรา
- น้ำเสียงมีผล 38 % ในวิธีการและลักษณะน้ำเสียงของเราที่สื่อสารออกไปกับผู้อื่น
- ภาษากายมีผล 55 % ผู้อื่นจะสัมผัส และรู้สึกอย่างไรกับเราด้วยภาษากายของเรา
บางครั้งที่เราใช้คำพูดเดียวกัน เช่น “มีปัญหาอะไร” ลองคิดนึกภาพตาม ถึงที่น้ำเสียงไม่เป็นมิตร มีภาษากายที่แสดงอารมณ์โมโห กับคำเดียวกัน แต่มีน้ำเสียงที่เบา อ่อนโยน ยินดีช่วยเหลือ กับภาษากายที่ยิ้มแย้ม ผู้อื่นอยากสื่อสารกับคนแบบไหน หรืออยากทำงานร่วมกับผู้อื่นแบบไหน และอีกอย่างที่สำคัญในการสื่อสาร หากเราไม่เข้าใจการพูดโน้มน้าวที่ทำให้เราสำเร็จในงานต้องจริงใจนะคะ นี่คือสิ่งที่ส่งผลถึงความสำเร็จในการทำงาน คนที่จะสำเร็จในการทำงานควรเป็นคนอย่างไรในด้านของการ สื่อสารดี มีชัยไปกว่าครึ่ง มีปัจจัยที่สำคัญดังนี้
- มีทัศนคติที่ดีทั้งของตนเอง และผู้อื่นเสมอ มีความคิดในเชิงบวก (Positive Thinking) เมื่อเราคิดดีกับผู้อื่น เราจะแสดงออกด้วยการกระทำที่ดี ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้กับคนที่ทัศนคติไม่ดี ถ้าบุคคลนั้นเป็นคนดี ในองค์กรการอยู่ร่วมกัน ทำงานร่วมกันเกิน 8 ชั่วโมง และยุคนี้เป็นยุคที่ต้องใช้เทคโนโลยีมาช่วยการสื่อสารหรือเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญไม่น้อย เราคิดอย่างก็จะแสดงออกไปเช่นนั้น จึงต้องฝึกและพัฒนาในการมีทัศนคติที่ดี จงคิดเสมอว่า เราไม่สามารถสำเร็จในการทำงานได้เพียงคนเดียว
- บุคลิกภาพ คุณมีเวลาเพียง 7 วินาทีที่จะทำให้ผู้อื่นประทับใจในตัวคุณ ลองมาคิดกันว่า จะแบ่ง 7 วินาทีอย่างไรถ้าคุณต้องเข้าพบลูกค้า และอยากให้เข้าประทับใจเมื่อเห็นคุณครั้งแรก สำหรับครูตุ๋มแล้ว 3 วินาทีแรกขอให้ประทับใจในการแต่งกายให้น่าเชื่อถือ มองแล้วประทับใจ ถ้าสมมุติว่า เราต้องไปนำเสนอสินค้ากับลูกค้า เราเองก็เปรียบเสมือนโลโก้องค์กร คุณนำเสนอเรื่องอะไร การแต่งกายก็บ่งบอกถึงสิ่งที่คุณจะนำเสนอ และอีก 4 วินาทีคือการได้พูดคุย ทักทาย รอยยิ้มที่แสดงออก
- ภาษากาย (Body Language) ที่แสดงออกกับผู้อื่น ต้องแสดงถึงความเป็นมิตรกับผู้อื่นเสมอ การแสดงออกถึงความใส่ใจ การยิ้มแย้ม สายตาที่แสดงออกกับผู้อื่นอย่างเป็นมิตร หรือบางครั้งเราต้องอธิบายบางอย่าง ภาษามือต้องเหมาะสมกับสิ่งที่เรานำเสนอ
- การใช้คำพูด (words) และการใช้น้ำเสียง (voice, tone) คำพูดที่เหมาะสม ถูกกาลเทศะ น้ำเสียงที่เป็นมิตรที่ดี ไม่ว่าบุคคลที่เราสื่อสารด้วยเราจะรู้สึกอย่างไร แต่เราต้องแสดงออกให้เหมาะสม ถ้าตัวเองว่า ที่มาสื่อสารวันนี้เพื่อวัตถุประสงค์อะไร ? และแสดงออกมาด้วยคำพูด น้ำเสียงที่ทำให้งานสำเร็จด้วยความจริงใจ
- การควบคุมอารมณ์ (Emotion) เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้ข้ออื่น ๆ อารมณ์เป็นภาวะในความรู้สึกที่เราอาจได้จากสิ่งเร้า สิ่งแวดล้อมที่ทำให้เราแสดงออกมา หากเป็นอารมณ์เชิงลบเราต้องเก็บไว้ก่อน คิดเสมอว่า ไม่มีใครที่ชอบที่มีคนแสดงอารมณ์เชิงลบกับเขาออกมา ถ้าเราต้องการความสำเร็จ เราไม่จำเป็นต้องแสดงออกมาในทุกเรื่องที่เรารู้สึก เพียงให้เข้าใจผู้อื่น และเราไม่จำเป็นต้องแสดงอารมณ์โต้ตอบออกไป เราก็จะเป็นผู้ชนะในตนเอง และสำเร็จในงานได้
ในมุมมองด้านการสื่อสาร การที่เราแสดงออกไปอย่างไรก็ตาม เป็นภาพของผู้แสดงออก ไม่ใช่ภาพของผู้ฟัง จงนึกเสมอว่า หากเราต้องการความสำเร็จในชีวิต เราไม่จำเป็นต้องแสดงออกทุกเรื่องที่เรารู้สึกหากสิ่งนั้นจะมีผลลัพธ์ที่เป็นลบ เราควรมีสติทุกครั้งที่เราสื่อสาร และเราจะเป็นที่รักของทุกคนความสำเร็จในชีวิตจะตามมาก